รุปแบบของการจัดการ
การกำหนดรูปแบบของการจัดการ อาจพิจารณาได้จากลักษณะบางประการดังนี้
1. ความเป็นผู้นำ ประสิทธิภาพของการจัดการ หมายถึง การมีภาวะความเป็นผู้นำที่ดีซึ่งคุณสมบัติที่ดีที่ค้นพบในตัวผู้บริหารจำนวนมากดังนี้
1.1 เป็นนักค้นหาโอกาส (ซึ่งตรงข้ามกับนักแก้ปัญหาตามงานประจำวัน๗
1.2 เป็นบุคคลที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง (รวมทั้งการทำสิ่งต่างๆในหนทางที่ถูกต้องด้วย)
1.3 รู้ถึงวิธีการสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่บุคคล และดุลใจบุคคลอื่นให้เชื่อฟัง
1.4 ยอมรับความคิดเห็นของบุคคล และมองคนในแง่ดี
1.5 มุ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมากกว่าสิ่งที่ผ่านมาในอดีต
1.6 สามารถสร้างความเชื่อถือให้แก่บุคคลอื่นและกล้าเสี่ยงอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่น
1.7 ไม่ต้องการการเห็นด้วยหรือการยอมรับจากบุคคลตลอดเวลา
1.8 มีวิสัยทัศน์มองอนาคตเพื่อเป็นทิศทางของการปฏิบัติ
1.9 คิดแต่ในสิ่งที่มุ่งสู่ความสำเร็จ ไม่จมอยู่ในแนวคิดที่มีแต่ความล้มเหลว
1.10 ไม่ยอมสูญเสียเวลาไปกับความวิตกกังวลและเรื่องไร้สาระ
2. ทฤษฎี X และทฤษฎี Y เป็นแนวคิดของ Douglas McGregor ในปี ค.ศ. 1950 ซึ่งกล่าวว่าผู้บริหารของทฤษฎี X (เผด็จการ) เชื่อว่าคนโดยธรรมชาติไม่ชอบทำงานและจะหลีกเลี่ยงงานถ้าเป็นไปได้ รูปแบบของการจัดการที่สนับสนุนความ้ชื่อนี้มีผลให้ต้องกำกับดูแลพนักงานอย่างระมัดระวัง และมีระบบที่เข้มงวดในการควบคุมและจูงใจพนักงานส่วนผู้บริหารของทฤษฎี Y เชื่อว่าคนชอบทำงานและได้รับความพึงพอใจในการทำงานรูปแบบของการจัดการของความเชื่อถือนี้ถือว่าคนสามารถจูงใจและควบคุมตนเอง สำหรับกิจกรรมประเภทต่างๆได้ดี ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องจูงใจและควบคุมอย่าเข้มงวด โดยปกติบริหารของทฤษฎี Y จะขอให้ผู้บังคับบัญชามีส่วนร่วมในกิจกรรมของการตัดสินใจ
3. การมอบหมายอำนาจหน้าที่ ผู้บริหารที่ดีจะเป็นผู้ที่รู้วิธีกรมอบหมายอำนาจหน้าที่อย่าเชี่ยวชาญ การมอบหมายที่เกี่ยวข้องกับการรู้ว่างานใดต้องทำด้วตนเอง และงานใดต้องมอบคนอื่นขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สัมพันธ์กันหลายอย่า เช่น จุดแข็งหรือจุดอ่อนของผู้บริหาร จุดอ่อนหรือจุดแข็งของผู้ใต้บังคับบัญชาเวลาที่ต้องใช้ในการปฏิบัติงานความสำคัญของงาน ระดับความเสี่ยงกับความสำเร็จของงานเป็นต้น การมอบหมายอำนาจหน้าที่มีลักษณะตรงกับข้ามกับแนวทางการจัดการแบบเผด็จการ (ทฤษฎี X )
4. การจัดการโดยข้อยกเว้น หมายถึง รูปแบบของการควบคุมการจัดการที่งานส่วนใหญ่ของการจัดการมีความเบี่ยงเบนไปจากมาตราฐาน ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารจึงต้องเอาใจใส่กับผลการปฏิบัติงานที่ไม่ดี (อาจเนื่องมาจากการทดแทนบุคคลหรือการเปลี่ยนวิธีการทำงาน) หรือผลการปฏิบัติงานที่ไม่ดี (อาจเนื่องมาจากการเลื่อนตำแหน่งบางคนหรือการเสนอแนวคิดใหม่ในงานใหม่) รูปแบบการจัดการโดยข้อยกเว้นไม่สามารถประยุกต์ไปใช้ได้โดยปราศจากการพิจารณาปัจจัยอื่นๆด้วย ผู้บริหารจึงควรระมัดระวังปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและหาโอกาสใหม่ๆเมื่อทุกอย่างดูเหมือนกำลังดำเนินการไปอย่างราบรื่น ความสำเร็จของโอกาสใหม่ๆเป็นหลักของการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะต้องกำหนดอย่างสั้นๆ
5. การจัดการโดยวัตถุประสงค์
การกำหนดรูปแบบของการจัดการ อาจพิจารณาได้จากลักษณะบางประการดังนี้
1. ความเป็นผู้นำ ประสิทธิภาพของการจัดการ หมายถึง การมีภาวะความเป็นผู้นำที่ดีซึ่งคุณสมบัติที่ดีที่ค้นพบในตัวผู้บริหารจำนวนมากดังนี้
1.1 เป็นนักค้นหาโอกาส (ซึ่งตรงข้ามกับนักแก้ปัญหาตามงานประจำวัน๗
1.2 เป็นบุคคลที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง (รวมทั้งการทำสิ่งต่างๆในหนทางที่ถูกต้องด้วย)
1.3 รู้ถึงวิธีการสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่บุคคล และดุลใจบุคคลอื่นให้เชื่อฟัง
1.4 ยอมรับความคิดเห็นของบุคคล และมองคนในแง่ดี
1.5 มุ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมากกว่าสิ่งที่ผ่านมาในอดีต
1.6 สามารถสร้างความเชื่อถือให้แก่บุคคลอื่นและกล้าเสี่ยงอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่น
1.7 ไม่ต้องการการเห็นด้วยหรือการยอมรับจากบุคคลตลอดเวลา
1.8 มีวิสัยทัศน์มองอนาคตเพื่อเป็นทิศทางของการปฏิบัติ
1.9 คิดแต่ในสิ่งที่มุ่งสู่ความสำเร็จ ไม่จมอยู่ในแนวคิดที่มีแต่ความล้มเหลว
1.10 ไม่ยอมสูญเสียเวลาไปกับความวิตกกังวลและเรื่องไร้สาระ
2. ทฤษฎี X และทฤษฎี Y เป็นแนวคิดของ Douglas McGregor ในปี ค.ศ. 1950 ซึ่งกล่าวว่าผู้บริหารของทฤษฎี X (เผด็จการ) เชื่อว่าคนโดยธรรมชาติไม่ชอบทำงานและจะหลีกเลี่ยงงานถ้าเป็นไปได้ รูปแบบของการจัดการที่สนับสนุนความ้ชื่อนี้มีผลให้ต้องกำกับดูแลพนักงานอย่างระมัดระวัง และมีระบบที่เข้มงวดในการควบคุมและจูงใจพนักงานส่วนผู้บริหารของทฤษฎี Y เชื่อว่าคนชอบทำงานและได้รับความพึงพอใจในการทำงานรูปแบบของการจัดการของความเชื่อถือนี้ถือว่าคนสามารถจูงใจและควบคุมตนเอง สำหรับกิจกรรมประเภทต่างๆได้ดี ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องจูงใจและควบคุมอย่าเข้มงวด โดยปกติบริหารของทฤษฎี Y จะขอให้ผู้บังคับบัญชามีส่วนร่วมในกิจกรรมของการตัดสินใจ
3. การมอบหมายอำนาจหน้าที่ ผู้บริหารที่ดีจะเป็นผู้ที่รู้วิธีกรมอบหมายอำนาจหน้าที่อย่าเชี่ยวชาญ การมอบหมายที่เกี่ยวข้องกับการรู้ว่างานใดต้องทำด้วตนเอง และงานใดต้องมอบคนอื่นขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สัมพันธ์กันหลายอย่า เช่น จุดแข็งหรือจุดอ่อนของผู้บริหาร จุดอ่อนหรือจุดแข็งของผู้ใต้บังคับบัญชาเวลาที่ต้องใช้ในการปฏิบัติงานความสำคัญของงาน ระดับความเสี่ยงกับความสำเร็จของงานเป็นต้น การมอบหมายอำนาจหน้าที่มีลักษณะตรงกับข้ามกับแนวทางการจัดการแบบเผด็จการ (ทฤษฎี X )
4. การจัดการโดยข้อยกเว้น หมายถึง รูปแบบของการควบคุมการจัดการที่งานส่วนใหญ่ของการจัดการมีความเบี่ยงเบนไปจากมาตราฐาน ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารจึงต้องเอาใจใส่กับผลการปฏิบัติงานที่ไม่ดี (อาจเนื่องมาจากการทดแทนบุคคลหรือการเปลี่ยนวิธีการทำงาน) หรือผลการปฏิบัติงานที่ไม่ดี (อาจเนื่องมาจากการเลื่อนตำแหน่งบางคนหรือการเสนอแนวคิดใหม่ในงานใหม่) รูปแบบการจัดการโดยข้อยกเว้นไม่สามารถประยุกต์ไปใช้ได้โดยปราศจากการพิจารณาปัจจัยอื่นๆด้วย ผู้บริหารจึงควรระมัดระวังปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและหาโอกาสใหม่ๆเมื่อทุกอย่างดูเหมือนกำลังดำเนินการไปอย่างราบรื่น ความสำเร็จของโอกาสใหม่ๆเป็นหลักของการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะต้องกำหนดอย่างสั้นๆ
5. การจัดการโดยวัตถุประสงค์
ลักษณะของข้อมูลข่าวสารเป็นที่มีประสิทธิภาพสรุปได้เป็น
4 ประการ
1.ข้อมูลข่าวสารเป็นบางสิ่งที่เข้าใจได้
ข้อมูลข่าวสารอาจเป็นข้อมูลที่ถูกประมวลผลภายในใจของคนและจากนั้นก็กำหนดความหมายบางอย่าง
ซึ่งปัจจัยด้านบุคลิกภาพและการหยั่งรู้มีอิทธิพลต่อลักษณะการใส่รหัส (Encoded)
การประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล
2.ข้อมูลข่าวสารลดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์
บุคคลที่มีแนวโน้มค้นหาข้อมูลข่าวสารเพราะข้อเท็จจริงต่างๆ
อาจช่วยลดความเสี่ยงในการตัดใจสินใจที่ผิดพลาดและเพิ่มความเป็นไปได้ของการกระทำสิ่งที่ถูกต้อง
3.ข้อมูลข่าวสารที่ประมวลผลภายในจำนวนมาก
นำมาจากความจำระยะสั้นเพราะบุคคลค้นพบว่ามันง่ายในการดึงข้อมูลจากระยะสั้นมาใช้มากกว่าระยะยาว
หรือจากความจำของภายนอก
เมื่อข้อมูลต่างๆเริ่มใช้งานดังนั้นข่าวสารที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อข้อมูลลักที่ได้มาโดยง่ายและมาจากความจำระยะสั้นบุคคล
4.อัตราความเร็วที่บุคคลสามารถประมวลข้อมูลให้เป็นข้อมูลข่าวสารถูกจำกัด
ถ้าข้อมูลจำนวนมากถูกนำเสนอภายในกรอบของเวลาที่แน่นอนผลลัพธ์ที่ได้อาจเป็นข้อมูลที่มากจนเกินไป ประเภทของการตัดสินใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น